Customer Reviews

จำได้ว่ารู้จักเล่มนี้ตอนที่นำมาสร้างเป็นบทละครทางโทรทัศน์ช่อง 7 ตอนนั้นนิยายเรื่องนี้ถือว่าดังมากในสมัยนั้น (ช่วงที่คุณนุสบาเข้าวงการใหม่... ซึ่งก็แปลว่านานมากสำหรับสมัยนี้) เป็นบทละครที่นางเอกได้แสดงความสามารถจริงๆ ไม่ว่าจะต้องร้ายอย่างคนที่เกิดมาระหว่างความดี (วัด) และซ่อง ซึ่งถือเป็นตัวแทนความเลวร้ายในสังคม ความสนุกของละครเรื่องนี้ก็คือ ความร้ายภายใต้หน้ากากของสิ่งที่เรียกว่า “ผู้ดี” นี่แหละค่ะ ตอบตามตรงผู้กำกับเรื่องนี้เลือกผู้แสดงได้สมบทบาทมากจริงๆ ท่ามกลางบุคลิกที่ดูเป็นผู้ดีของศจี กลับมีความทะเยอทะยาน ร้ายลึกของคนที่มุ่งหวังจะยกระดับชีวิตให้ขึ้นไปให้สูงที่สุด ทำอย่างไรให้คนที่เกิดมาต่ำต้อยภายใต้ชีวิตที่สกปรกโสมมอย่างศจีจะยกระดับตัวเองขึ้นมาให้สูงค่าได้ ยากนะคะถ้าคิดจะเป็นอย่างศจี ทุกวันนี้สังคมเป็นเช่นนั้นค่ะ นิยายเรื่องนี้สะท้อนค่านิยมของสังคมไทยในยุคหลังได้อย่างชัดเจน ความทะยานอยากที่มนุษย์ที่มีมากขึ้น คนเรามองวัตถุมากกว่ามองที่คุณค่าความงามทางจิตใจ ความต้องการพยายามต่อสู้แข่งขันเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา อยากครองครองชื่อเสียง เงินทอง และทุกสิ่ง ส่งผลให้สังคมทุกวันนี้สับสนวุ่นวายไปหมด ความหมายของคำว่า “คน” คำว่า “ผู้ดี” ถูกบิดเบือนไปกลายเป็นวัดกันแค่ชื่อเสียงและเงินทอง บัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ค่ะ และท้ายที่สุดคุณหญิงศจีก็ได้รู้ถึงความทรมานของคนที่อยู่สูงค่ะ ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนค่ะ เข้มข้นมากค่ะ นวนิยายเล่มนี้ คอนิยายละครชีวิตเข้มข้นไม่ควรพลาดค่ะ คุณหญิงนอกทำเนียบมีครบทุกรสแห่งการอ่านจริงๆ

จำได้ว่ารู้จักเล่มนี้ตอนที่นำมาสร้างเป็นบทละครทางโทรทัศน์ช่อง 7 ตอนนั้นนิยายเรื่องนี้ถือว่าดังมากในสมัยนั้น (ช่วงที่คุณนุสบาเข้าวงการใหม่... ซึ่งก็แปลว่านานมากสำหรับสมัยนี้) เป็นบทละครที่นางเอกได้แสดงความสามารถจริงๆ ไม่ว่าจะต้องร้ายอย่างคนที่เกิดมาระหว่างความดี (วัด) และซ่อง ซึ่งถือเป็นตัวแทนความเลวร้ายในสังคม ความสนุกของละครเรื่องนี้ก็คือ ความร้ายภายใต้หน้ากากของสิ่งที่เรียกว่า “ผู้ดี” นี่แหละค่ะ ตอบตามตรงผู้กำกับเรื่องนี้เลือกผู้แสดงได้สมบทบาทมากจริงๆ ท่ามกลางบุคลิกที่ดูเป็นผู้ดีของศจี กลับมีความทะเยอทะยาน ร้ายลึกของคนที่มุ่งหวังจะยกระดับชีวิตให้ขึ้นไปให้สูงที่สุด ทำอย่างไรให้คนที่เกิดมาต่ำต้อยภายใต้ชีวิตที่สกปรกโสมมอย่างศจีจะยกระดับตัวเองขึ้นมาให้สูงค่าได้ ยากนะคะถ้าคิดจะเป็นอย่างศจี ทุกวันนี้สังคมเป็นเช่นนั้นค่ะ นิยายเรื่องนี้สะท้อนค่านิยมของสังคมไทยในยุคหลังได้อย่างชัดเจน ความทะยานอยากที่มนุษย์ที่มีมากขึ้น คนเรามองวัตถุมากกว่ามองที่คุณค่าความงามทางจิตใจ ความต้องการพยายามต่อสู้แข่งขันเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา อยากครองครองชื่อเสียง เงินทอง และทุกสิ่ง ส่งผลให้สังคมทุกวันนี้สับสนวุ่นวายไปหมด ความหมายของคำว่า “คน” คำว่า “ผู้ดี” ถูกบิดเบือนไปกลายเป็นวัดกันแค่ชื่อเสียงและเงินทอง บัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ค่ะ และท้ายที่สุดคุณหญิงศจีก็ได้รู้ถึงความทรมานของคนที่อยู่สูงค่ะ ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนค่ะ เข้มข้นมากค่ะ นวนิยายเล่มนี้ คอนิยายละครชีวิตเข้มข้นไม่ควรพลาดค่ะ คุณหญิงนอกทำเนียบมีครบทุกรสแห่งการอ่านจริงๆ

มีนิยายหลายเรื่องมากที่อ่านแล้วต้องเผลอร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และมงกุฎกุหลาบก็เป็นอีกเรื่อง โดยส่วนใหญ่เมื่อไรก็ตามที่ได้อ่านงานเขียนวรรณกรรมของนักเขียนบางท่าน โดยเฉพาะงานเขียนของคุณทมยันตี ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้นามปากกาโรสลาเลน หรือนามปากกาอื่นๆ บ่อยครั้งที่ต้องเผลอร้องไห้ออกมาอยู่บ่อย ๆ ความรักสำหรับคุณโรสลาเลนสวยงามเสมอ และความสวยงามนั้นจะได้มาเพราะความเสียสละ การให้เกียรติ การเทิดทูนในความสูงค่าของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมิใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถครอบครองหรือยื้อฉุดได้ (ถ้าพยายาม) แต่ถ้าใครเป็นแฟนนักเขียนของคุณทมยันตี ในแนวของโรสลาเลนแล้วจะพบว่า คุณโรสลาเลนให้เกียรติความรักเสมอ ความรักเป็นสิ่งที่สูงค่า ไม่ว่าคุณจะเกิดเป็นใคร โบราณกล่าว “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ความงามของบทกวีของคุณโรสลาเลนเป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยเฉพาะถ้าในกรณีที่พระเอกนางเอกของคุณโรสลาเลนต้องกลายมาเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง มงกุฎกุหลาบก็เป็นอีกหนึ่งความงดงามเช่นนี้ ความรักไม่ว่าจะได้มา หรือไม่ได้มา ถ้ารู้จักถนอม ความรู้สึกนั้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายรัชทายาทหรือพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด เกียรติยศและประชาชนย่อมต้องมาก่อนเสมอ เฉกเช่นความรักของท่านหญิงวาหนีและท่านเจ้าแห่งอุตราปราการ ความรักที่เป็นรักแท้ แม้เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลา แต่กลับตราตรึงงดงามไปจนสิ้นลมหายใจ อ่านงานเขียนเล่มนี้ทีไร น้ำตาไหลทุกทีเลยค่ะ งดงามมากนะคะงานเขียนเล่มนี้ สนุกไม่แพ้นิยายอีกเล่มของคุณโรสลาเลนที่ชื่อ “ในฝัน” เลยค่ะ ลองอ่านดูนะคะ

มีนิยายหลายเรื่องมากที่อ่านแล้วต้องเผลอร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และมงกุฎกุหลาบก็เป็นอีกเรื่อง โดยส่วนใหญ่เมื่อไรก็ตามที่ได้อ่านงานเขียนวรรณกรรมของนักเขียนบางท่าน โดยเฉพาะงานเขียนของคุณทมยันตี ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้นามปากกาโรสลาเลน หรือนามปากกาอื่นๆ บ่อยครั้งที่ต้องเผลอร้องไห้ออกมาอยู่บ่อย ๆ ความรักสำหรับคุณโรสลาเลนสวยงามเสมอ และความสวยงามนั้นจะได้มาเพราะความเสียสละ การให้เกียรติ การเทิดทูนในความสูงค่าของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมิใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถครอบครองหรือยื้อฉุดได้ (ถ้าพยายาม) แต่ถ้าใครเป็นแฟนนักเขียนของคุณทมยันตี ในแนวของโรสลาเลนแล้วจะพบว่า คุณโรสลาเลนให้เกียรติความรักเสมอ ความรักเป็นสิ่งที่สูงค่า ไม่ว่าคุณจะเกิดเป็นใคร โบราณกล่าว “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ความงามของบทกวีของคุณโรสลาเลนเป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยเฉพาะถ้าในกรณีที่พระเอกนางเอกของคุณโรสลาเลนต้องกลายมาเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง มงกุฎกุหลาบก็เป็นอีกหนึ่งความงดงามเช่นนี้ ความรักไม่ว่าจะได้มา หรือไม่ได้มา ถ้ารู้จักถนอม ความรู้สึกนั้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายรัชทายาทหรือพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด เกียรติยศและประชาชนย่อมต้องมาก่อนเสมอ เฉกเช่นความรักของท่านหญิงวาหนีและท่านเจ้าแห่งอุตราปราการ ความรักที่เป็นรักแท้ แม้เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลา แต่กลับตราตรึงงดงามไปจนสิ้นลมหายใจ อ่านงานเขียนเล่มนี้ทีไร น้ำตาไหลทุกทีเลยค่ะ งดงามมากนะคะงานเขียนเล่มนี้ สนุกไม่แพ้นิยายอีกเล่มของคุณโรสลาเลนที่ชื่อ “ในฝัน” เลยค่ะ ลองอ่านดูนะคะ

หนึ่งในวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมของคุณโรสลาเลน ได้มีโอกาสได้ดูละครโทรทัศน์เรื่อง “ในฝัน” ผ่านทางช่อง True Vision ตอนเช้าๆ ตื่นมาดูทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็พยายามตั้งใจติดตามดูเท่าที่จะพอมีเวลาและโอกาส ที่โด่งดังเป็นที่นิยมน่าจะเป็นเวอร์ชั่นของคุณ ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่แสดงเป็นเจ้าชายโอริสสา เจ้าชายเสนาบดีสุดหล่อ แสนดี แสนเศร้า ที่ทำให้คนดูฝันหวานไปได้ถึงไหนๆ มีคุณสินจัย เปล่าพาณิชย์แสดงเป็นเจ้าหญิงพรรณพิลาส มีคุณวรุฒ วรธรรม แสดงเป็นเจ้าชายพิรียพงษ์ และมีเจ้าหญิงรัชทายาทแสนสวย แสดงโดยคุณลลิตา ศศิประภา จริงๆ นิยายเรื่องนี้มีการนำมาทำเป็นบทละครโทรทัศน์ถึงสามหน และครั้งสุดท้ายแสดงโดยคุณตุ้ย ธีรภัทร์ สัจกุล, คุณซ่ารา มาลากุล เลน, คุณอนันดา เอเวอริ่งแฮม และคุณพลอย เฌอมาลย์ บุญยะศักดิ์ ฉายที่ True Vision (เวอร์ชั่นที่ดิฉันได้ดู) ซึ่งจำได้ว่าตอนนี้ดู ตั้งใจไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะไปหยิบหามาอ่านดูให้ได้ จนสุดท้ายได้มีโอกาสหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ต้องบอกว่า นวนิยายเรื่อง “ในฝัน” เรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งความไพเราะของบทกวีที่คุณโรสลาเลนได้สอดแทรกใส่เข้ามาให้คนอ่านได้รับรู้ถึงอรรถรสในบทกวีจริงๆ ค่ะยิ่งถ้าใครชอบงานเขียนที่ละเมียดทางพรรณาโวหารและบรรยายโวหารแล้วด้วยนะคะ รับรองค่ะว่างานเขียนเล่มนี้ไม่ผิดหวังแน่ๆ ค่ะ เป็น “ในฝัน” สมชื่อนิยายเล่มนี้จริงๆ ค่ะ อ่านแล้วผู้อ่านจะรู้สึกถึงความหวานของงานเขียน ความรักที่ยกย่องให้เกียรติ ที่ท่านชายโอริสสามีต่อเจ้าหญิงพรรณพิลาส และความรักที่เจ้าชายพิริยพงษ์มีต่อเจ้าหญิงรัชทายาท รับรองค่ะ เป็นอีกเล่มของคุณโรสลาเลนที่จะต้องมีเก็บไว้

หนึ่งในวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมของคุณโรสลาเลน ได้มีโอกาสได้ดูละครโทรทัศน์เรื่อง “ในฝัน” ผ่านทางช่อง True Vision ตอนเช้าๆ ตื่นมาดูทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็พยายามตั้งใจติดตามดูเท่าที่จะพอมีเวลาและโอกาส ที่โด่งดังเป็นที่นิยมน่าจะเป็นเวอร์ชั่นของคุณ ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่แสดงเป็นเจ้าชายโอริสสา เจ้าชายเสนาบดีสุดหล่อ แสนดี แสนเศร้า ที่ทำให้คนดูฝันหวานไปได้ถึงไหนๆ มีคุณสินจัย เปล่าพาณิชย์แสดงเป็นเจ้าหญิงพรรณพิลาส มีคุณวรุฒ วรธรรม แสดงเป็นเจ้าชายพิรียพงษ์ และมีเจ้าหญิงรัชทายาทแสนสวย แสดงโดยคุณลลิตา ศศิประภา จริงๆ นิยายเรื่องนี้มีการนำมาทำเป็นบทละครโทรทัศน์ถึงสามหน และครั้งสุดท้ายแสดงโดยคุณตุ้ย ธีรภัทร์ สัจกุล, คุณซ่ารา มาลากุล เลน, คุณอนันดา เอเวอริ่งแฮม และคุณพลอย เฌอมาลย์ บุญยะศักดิ์ ฉายที่ True Vision (เวอร์ชั่นที่ดิฉันได้ดู) ซึ่งจำได้ว่าตอนนี้ดู ตั้งใจไว้ว่า ถ้ามีโอกาสจะไปหยิบหามาอ่านดูให้ได้ จนสุดท้ายได้มีโอกาสหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ต้องบอกว่า นวนิยายเรื่อง “ในฝัน” เรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งความไพเราะของบทกวีที่คุณโรสลาเลนได้สอดแทรกใส่เข้ามาให้คนอ่านได้รับรู้ถึงอรรถรสในบทกวีจริงๆ ค่ะยิ่งถ้าใครชอบงานเขียนที่ละเมียดทางพรรณาโวหารและบรรยายโวหารแล้วด้วยนะคะ รับรองค่ะว่างานเขียนเล่มนี้ไม่ผิดหวังแน่ๆ ค่ะ เป็น “ในฝัน” สมชื่อนิยายเล่มนี้จริงๆ ค่ะ อ่านแล้วผู้อ่านจะรู้สึกถึงความหวานของงานเขียน ความรักที่ยกย่องให้เกียรติ ที่ท่านชายโอริสสามีต่อเจ้าหญิงพรรณพิลาส และความรักที่เจ้าชายพิริยพงษ์มีต่อเจ้าหญิงรัชทายาท รับรองค่ะ เป็นอีกเล่มของคุณโรสลาเลนที่จะต้องมีเก็บไว้

เป็นวรรณกรรมที่มีความสวยงาม หวานซึ้ง และมีความเด็ดเดี่ยวในแนวคิดเป็นอย่างมาก และท่ามกลางวรรณกรรมที่งดงาม ความสวยงามของวรรณกรรม ผู้อ่านจะสามารถสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวในงานศิลป์แห่งวรรณกรรม เป็นงานเขียนอีกงานหนึ่งที่ชื่นชอบ น่าประทับใจมากๆ และน่าเก็บเป็นที่ระลึกอีกงานหนึ่งของสำนักพิมพ์บ้านวรรณกรรม ความสวยงามของวรรณกรรมเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกได้เลยถึงความหวัง ความฝัน และแสงสว่างในชีวิต ถ้าในชีวิตนี้มีใครซักคนที่รักเราและให้ความสำคัญกับเราได้ขนาดนี้ รับรองค่ะไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใจอ่อนให้กับคนที่เทิดทูนเราขนาดนั้นหรอกค่ะ นอกเหนือจากนั้นนะคะ ข้าบดินทร์ยังสอนให้เรายึดมั่นในความภักดี ยึดมั่นในคำสัตย์ ยึดมั่นในสัจจะและให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ศักดิ์ศรี และบ้านเมืองของเราด้วยค่ะ สำคัญใดจะเสมอเหมือนถิ่นบ้านเกิด เมืองนอนของเราคะ เราเป็นข้าบดินทร์ เราเป็นคนไทยด้วยกัน เราต้องรักกันซิคะ ถ้าคนเรารัก เชื่อมั่น และซื่อสัตย์ในกันและกัน เมื่อนั้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก็จะแก้ไขได้โดยง่ายค่ะ อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจมากค่ะและหวังว่าผู้อ่านคนอื่นๆ จะชอบเหมือนกันนะคะ ยิ่งตอนนี้จะมีการนำมาทำเป็นบทละครโทรทัศน์ด้วยละ รับรองแฟนพระเอกเจมส์ มาร์และนางเอกแมท ภีรนีย์ ไม่ยอมพลาดแน่นอนค่ะ แถมในนิยายเรื่องนี้ยังมีฉากเด็ดๆ หลายๆ ฉาก เช่น ฉากขี่ช้าง, ฉากต่อสู้สมัยโบราณ ต้องคอยรอดูนะคะ ว่าเวอร์ชั่นละครจะสนุกเหมือนในหนังสือนิยายเล่มนี้รึเปล่า แต่โดยส่วนตัว ข้าบดินทร์เวอร์ชั่นหนังสือสนุกจริงๆ ค่ะ อ่านแล้ววางแทบไม่ลงเลยค่ะ ผู้อ่านเองอ่านรวดเดียวคืนเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก

เป็นวรรณกรรมที่มีความสวยงาม หวานซึ้ง และมีความเด็ดเดี่ยวในแนวคิดเป็นอย่างมาก และท่ามกลางวรรณกรรมที่งดงาม ความสวยงามของวรรณกรรม ผู้อ่านจะสามารถสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวในงานศิลป์แห่งวรรณกรรม เป็นงานเขียนอีกงานหนึ่งที่ชื่นชอบ น่าประทับใจมากๆ และน่าเก็บเป็นที่ระลึกอีกงานหนึ่งของสำนักพิมพ์บ้านวรรณกรรม ความสวยงามของวรรณกรรมเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกได้เลยถึงความหวัง ความฝัน และแสงสว่างในชีวิต ถ้าในชีวิตนี้มีใครซักคนที่รักเราและให้ความสำคัญกับเราได้ขนาดนี้ รับรองค่ะไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใจอ่อนให้กับคนที่เทิดทูนเราขนาดนั้นหรอกค่ะ นอกเหนือจากนั้นนะคะ ข้าบดินทร์ยังสอนให้เรายึดมั่นในความภักดี ยึดมั่นในคำสัตย์ ยึดมั่นในสัจจะและให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ศักดิ์ศรี และบ้านเมืองของเราด้วยค่ะ สำคัญใดจะเสมอเหมือนถิ่นบ้านเกิด เมืองนอนของเราคะ เราเป็นข้าบดินทร์ เราเป็นคนไทยด้วยกัน เราต้องรักกันซิคะ ถ้าคนเรารัก เชื่อมั่น และซื่อสัตย์ในกันและกัน เมื่อนั้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก็จะแก้ไขได้โดยง่ายค่ะ อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจมากค่ะและหวังว่าผู้อ่านคนอื่นๆ จะชอบเหมือนกันนะคะ ยิ่งตอนนี้จะมีการนำมาทำเป็นบทละครโทรทัศน์ด้วยละ รับรองแฟนพระเอกเจมส์ มาร์และนางเอกแมท ภีรนีย์ ไม่ยอมพลาดแน่นอนค่ะ แถมในนิยายเรื่องนี้ยังมีฉากเด็ดๆ หลายๆ ฉาก เช่น ฉากขี่ช้าง, ฉากต่อสู้สมัยโบราณ ต้องคอยรอดูนะคะ ว่าเวอร์ชั่นละครจะสนุกเหมือนในหนังสือนิยายเล่มนี้รึเปล่า แต่โดยส่วนตัว ข้าบดินทร์เวอร์ชั่นหนังสือสนุกจริงๆ ค่ะ อ่านแล้ววางแทบไม่ลงเลยค่ะ ผู้อ่านเองอ่านรวดเดียวคืนเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก

ทันทีที่เห็นหนังสือเล่มนี้และได้อ่านบทคัดย่อของนิยายเรื่องนี้เพราะคำสั้นๆ คำนี้แท้ๆ เชียวค่ะ คำว่า “ปาฏิหาริย์” และ คำว่า “โจรสลัด” คิดว่าผู้อื่นแนวนิยายบางท่านก็เป็นเหมือนดิฉัน โดยส่วนตัวดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบนิยายที่มีเรื่องเกี่ยวกับ “ปาฏิหาริย์” “ย้อนยุค” “โจรสลัด” “ของโบราณ” ฯลฯ ซึ่งแค่คำเหล่านี้ก็ทำให้เหล่านักอ่านนิยายคนหนึ่งเช่นฉันต้องเผลอใจควักเงินซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านไม่ได้ ความน่าสนใจของนิยายเรื่องนี้ก็คือการนำเสนอพล๊อตเรื่องที่ชวนให้ผู้อ่านเฟ้อฝัน จินตนาการ และพยายามคล้อยตามไปว่าตนเป็นพระเอก นางเอกของเรื่องนี้จริงๆ ยิ่งเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ มีแม่หมอดูมาช่วยทำนายดวงชะตาความรักอีกว่า ทำอย่างไรดีนะ สองคนจากสองภพจะได้อยู่ร่วมกัน เป็นพระเอกนางเอกจริงได้อย่างที่ฝันหวานไว้ ยิ่งทำให้นิยายเรื่องนี้น่าติดตาม น่าลุ้น และน่าอ่านมากขึ้นไปอีกค่ะ ลองคิดดูเล่นๆ นะคะว่า ถ้าคุณเป็นกัปตันสุดหล่อ จะทำอย่างไร เมื่อนางเอกสาวสวยจากที่ไหนไม่รู้หล่นมาหา ให้ป่วนหัวใจเล่นๆ โดยรวมนิยายเรื่องนี้ก้อสนุกดีค่ะ ไม่ถึงกับสนุกมากน้ำตาตก แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย หมดความน่าสนใจ น่าติดตาม โดยส่วนตัวทันทีที่เห็นบทคำนำหลังนิยายเล่มนี้จากบรรดากองหนังสือที่ซื้อๆ มาเก็บไว้ ก็สนใจที่จะหยิบมาอ่านเป็นเล่มแรกๆ เลยค่ะ ถ้าสนใจนิยายเชิงตื่นเต้น โรแมนติกเช่นนี้ ลองทดลองอ่านใช้เวลากับนิยายเล่มนี้ดูค่ะ ลองให้โอกาสผู้แต่งไอหมอกได้นำเสนอเรื่องราวของเธอดู แล้วผู้อ่านท่านอื่นก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งคนที่หลงรักงานเขียนของไอหมอก ลองหาอ่านดูค่ะ

ทันทีที่เห็นหนังสือเล่มนี้และได้อ่านบทคัดย่อของนิยายเรื่องนี้เพราะคำสั้นๆ คำนี้แท้ๆ เชียวค่ะ คำว่า “ปาฏิหาริย์” และ คำว่า “โจรสลัด” คิดว่าผู้อื่นแนวนิยายบางท่านก็เป็นเหมือนดิฉัน โดยส่วนตัวดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบนิยายที่มีเรื่องเกี่ยวกับ “ปาฏิหาริย์” “ย้อนยุค” “โจรสลัด” “ของโบราณ” ฯลฯ ซึ่งแค่คำเหล่านี้ก็ทำให้เหล่านักอ่านนิยายคนหนึ่งเช่นฉันต้องเผลอใจควักเงินซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านไม่ได้ ความน่าสนใจของนิยายเรื่องนี้ก็คือการนำเสนอพล๊อตเรื่องที่ชวนให้ผู้อ่านเฟ้อฝัน จินตนาการ และพยายามคล้อยตามไปว่าตนเป็นพระเอก นางเอกของเรื่องนี้จริงๆ ยิ่งเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ มีแม่หมอดูมาช่วยทำนายดวงชะตาความรักอีกว่า ทำอย่างไรดีนะ สองคนจากสองภพจะได้อยู่ร่วมกัน เป็นพระเอกนางเอกจริงได้อย่างที่ฝันหวานไว้ ยิ่งทำให้นิยายเรื่องนี้น่าติดตาม น่าลุ้น และน่าอ่านมากขึ้นไปอีกค่ะ ลองคิดดูเล่นๆ นะคะว่า ถ้าคุณเป็นกัปตันสุดหล่อ จะทำอย่างไร เมื่อนางเอกสาวสวยจากที่ไหนไม่รู้หล่นมาหา ให้ป่วนหัวใจเล่นๆ โดยรวมนิยายเรื่องนี้ก้อสนุกดีค่ะ ไม่ถึงกับสนุกมากน้ำตาตก แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย หมดความน่าสนใจ น่าติดตาม โดยส่วนตัวทันทีที่เห็นบทคำนำหลังนิยายเล่มนี้จากบรรดากองหนังสือที่ซื้อๆ มาเก็บไว้ ก็สนใจที่จะหยิบมาอ่านเป็นเล่มแรกๆ เลยค่ะ ถ้าสนใจนิยายเชิงตื่นเต้น โรแมนติกเช่นนี้ ลองทดลองอ่านใช้เวลากับนิยายเล่มนี้ดูค่ะ ลองให้โอกาสผู้แต่งไอหมอกได้นำเสนอเรื่องราวของเธอดู แล้วผู้อ่านท่านอื่นก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งคนที่หลงรักงานเขียนของไอหมอก ลองหาอ่านดูค่ะ

นวนิยายเรื่องดังที่ไม่ใช่ดังแต่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น จริงๆ สำหรับคอหนังสือในประเทศไทยแล้ว ความสนใจในหนังสือเล่มนี้ยังถือว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับความสนใจของบรรดานักอ่านในต่างประเทศ แปลกไหมที่ทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงโด่งดังในต่างประเทศ ส่วนบ้านเรากลับได้รับความสนใจอยู่แค่กลุ่มนักศึกษา หรือนักเรียนที่ได้รับคำแนะนำให้อ่าน และหมู่คอหนังสือเฉพาะประเภทเท่านั้น จริงๆ แล้วผู้อ่านเองโดยประสบการณ์ส่วนตัวได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษโดยการแนะนำของเพื่อนต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่าตอนที่ซื้อมาอ่านตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เปิดไปไม่กี่หน้า ก็มัวแต่ยุ่งจนไม่มีเวลาอ่าน แต่พอนิยายเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์สรัสวดี ความสนใจเกี่ยวกับ the Kite Runner หรือนิยายเรื่องเด็กเก็บว่าวก็หวลกลับคืนมาอีกครั้ง ทีนี้พอตั้งสติลองอ่านดู รู้สึกได้เลยว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้สอดแทรกความคิดดีๆ มากมายให้กับผู้อ่าน ฮาเหม็ด โฮเซนี้ (นักเขียน) ซึ่งเป็นชาวอัฟริกัน-อเมริกัน ได้มอบคืนสามัญสำนึกในการตระหนักถึงให้กับผู้รับสารซึ่งก็คือผู้อ่านหนังสือเล่มนี้นั่นเอง ภายใต้บริบทของความโหดร้ายทารุณที่อัฟกานิสถานได้รับจากการรุกรานของชาติมหาอำนาจต่างๆ ความเย็นชาที่ชาวอัฟกานิสถานได้รับ โดยมุมมองหลากหลายได้ถูกสะท้อนผ่านสายตาและการกระทำของตัวแทนผู้เขียน อาเมียร์กับฮัสซาน คือตัวแทนของฮาเหม็ด ในการนำเสนอ ความผิดพลาดจากการกระทำในอดีต ตอกย้ำความเจ็บปวดในปัจจุบัน และในท้ายที่สุด ทำอย่างไรเราจึงจะแก้ไขปัญหาความทุกข์ในใจของเราได้ และคำตอบของฮาเหม็ดที่ให้กับพวกเรา ผู้อ่านของเขาก็คือ ความเชื่อที่ว่าถ้าคนเรามีความเข้มแข็ง กล้าหาญ และพร้อมที่จะแก้ไขข้อบกพร่องที่ผิดพลาดของเราในอดีต เราก็ย่อมที่จะมีทางแก้ไขและหาทางลบเลือนความเจ็บปวดนั้นได้ ลองเปิดใจรับงานเขียนสไตล์จรรโลงจิตใจและมนุษยธรรมดูบ้างซักเล่มไหมคะ ลองให้โอกาส The Kite Runner หรือ เด็กเก็บว่าวชาวอาฟกานิสถานสองคนนี้ได้เข้ามามีส่วนเปิดโลกทัศน์ทางความคิด เปิดมุมมองในทางสร้างสรรค์ให้กับพวกเรา ... เด็กร้อยพวงมาลัยชาวไทย (ฮิฮิ) ได้เปิดใจ เปิดหู เปิดตา เปิดโลกให้มากขึ้น ลองอ่านดูนะคะ ไม่ผิดหวังหรอกค่ะ

นวนิยายเรื่องดังที่ไม่ใช่ดังแต่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น จริงๆ สำหรับคอหนังสือในประเทศไทยแล้ว ความสนใจในหนังสือเล่มนี้ยังถือว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับความสนใจของบรรดานักอ่านในต่างประเทศ แปลกไหมที่ทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงโด่งดังในต่างประเทศ ส่วนบ้านเรากลับได้รับความสนใจอยู่แค่กลุ่มนักศึกษา หรือนักเรียนที่ได้รับคำแนะนำให้อ่าน และหมู่คอหนังสือเฉพาะประเภทเท่านั้น จริงๆ แล้วผู้อ่านเองโดยประสบการณ์ส่วนตัวได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษโดยการแนะนำของเพื่อนต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่าตอนที่ซื้อมาอ่านตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เปิดไปไม่กี่หน้า ก็มัวแต่ยุ่งจนไม่มีเวลาอ่าน แต่พอนิยายเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์สรัสวดี ความสนใจเกี่ยวกับ the Kite Runner หรือนิยายเรื่องเด็กเก็บว่าวก็หวลกลับคืนมาอีกครั้ง ทีนี้พอตั้งสติลองอ่านดู รู้สึกได้เลยว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้สอดแทรกความคิดดีๆ มากมายให้กับผู้อ่าน ฮาเหม็ด โฮเซนี้ (นักเขียน) ซึ่งเป็นชาวอัฟริกัน-อเมริกัน ได้มอบคืนสามัญสำนึกในการตระหนักถึงให้กับผู้รับสารซึ่งก็คือผู้อ่านหนังสือเล่มนี้นั่นเอง ภายใต้บริบทของความโหดร้ายทารุณที่อัฟกานิสถานได้รับจากการรุกรานของชาติมหาอำนาจต่างๆ ความเย็นชาที่ชาวอัฟกานิสถานได้รับ โดยมุมมองหลากหลายได้ถูกสะท้อนผ่านสายตาและการกระทำของตัวแทนผู้เขียน อาเมียร์กับฮัสซาน คือตัวแทนของฮาเหม็ด ในการนำเสนอ ความผิดพลาดจากการกระทำในอดีต ตอกย้ำความเจ็บปวดในปัจจุบัน และในท้ายที่สุด ทำอย่างไรเราจึงจะแก้ไขปัญหาความทุกข์ในใจของเราได้ และคำตอบของฮาเหม็ดที่ให้กับพวกเรา ผู้อ่านของเขาก็คือ ความเชื่อที่ว่าถ้าคนเรามีความเข้มแข็ง กล้าหาญ และพร้อมที่จะแก้ไขข้อบกพร่องที่ผิดพลาดของเราในอดีต เราก็ย่อมที่จะมีทางแก้ไขและหาทางลบเลือนความเจ็บปวดนั้นได้ ลองเปิดใจรับงานเขียนสไตล์จรรโลงจิตใจและมนุษยธรรมดูบ้างซักเล่มไหมคะ ลองให้โอกาส The Kite Runner หรือ เด็กเก็บว่าวชาวอาฟกานิสถานสองคนนี้ได้เข้ามามีส่วนเปิดโลกทัศน์ทางความคิด เปิดมุมมองในทางสร้างสรรค์ให้กับพวกเรา ... เด็กร้อยพวงมาลัยชาวไทย (ฮิฮิ) ได้เปิดใจ เปิดหู เปิดตา เปิดโลกให้มากขึ้น ลองอ่านดูนะคะ ไม่ผิดหวังหรอกค่ะ

เพราะรักจึงปรารถนาให้คนที่ตนรักได้มีความสุข สมหวังในทุกสิ่ง ถูกวางอย่างเทิดทูน สูงค่า มีราคา สมกับที่เกิดมาในชาติตระกูลที่ดีงาม รูปสมบัติที่งดงามเหมาะกับคนที่คู่ควรที่จะมาถนอมดูแลแก้วตาดวงใจที่เปรียบเสมือนของล้ำค่าสำหรับผู้ชายที่ต้อยต่ำอย่างสาริน ลูกชายจ่าในบ้านผู้ถูกชุบเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เล็ก และทำหน้าที่เสมอเหมือนอัศวินสำหรับเจ้าหญิงน้อยผู้เลอค่าในสายตาของเขาอย่าง “น้องน้อยชลันดา” เมื่อรักแล้วต้องรู้จักถนอมเทิดทูน จะมีใครบ้างนะในยุคสมัยนี้ที่จะคิดได้เหมือนสาริน ท่ามกลางยุคสมัยที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน, ความเห็นแก่ตัว และการแก่งแย่งชิงดี ความรักที่สวยงามที่สารินมีต่อชลันดาจึงเป็นความรักที่บริสุทธ์ผุดผ่องและเลอค่ามากมายในความรู้สึกของผู้อ่าน การให้ความสำคัญกับคุณค่าของคนที่ตนรัก ถนอมและเทิดทูน ทำให้นวนิยายเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งนวนิยายที่เรียกน้ำตาจากผู้อ่านได้มากที่สุด นวนิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นบทละคร บทภาพยนตร์ผ่านนักแสดงหลายท่านหลายยุค และทุกครั้งจะพบว่า ไม่ว่าอย่างไร น้ำตาของผู้ชมก็จะล้นทะลักเทใจให้กับความรักที่น่าบูชา และชีวิตที่น่าสงสารของเจ้าหญิงน้อยชลันดาได้อย่างง่ายดาย เมื่อใดที่คุณได้พบรักแท้ เราควรถนอมและเทิดทูนรักไว้ ให้ความสำคัญกับความรัก กับคุณค่าของผู้หญิงของคุณ อย่าปล่อยให้อารมณ์ กิเลส ตันหาและความรู้สึกมักง่ายเข้าครอบครองใจคุณ ลองให้โอกาสสารินและชลันดาได้นำเสนอความรักที่น่าสงสารของพวกเขาให้กับคุณ ลองอ่านดูนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าบางครั้งคุณอาจจะเทใจอยากให้สารินรู้จักต่อสู้และรักตนเองมากกว่านี้ ในขณะที่อยากคอยลุ้นให้นางเอกของเรามีความเข้มแข็งเป็นตัวของตัวเองมากอีกนิด เพื่อให้นิยายเรื่องนี้จบลงได้อย่างสวยงามมากกว่าที่เราได้อ่านค่ะ

เพราะรักจึงปรารถนาให้คนที่ตนรักได้มีความสุข สมหวังในทุกสิ่ง ถูกวางอย่างเทิดทูน สูงค่า มีราคา สมกับที่เกิดมาในชาติตระกูลที่ดีงาม รูปสมบัติที่งดงามเหมาะกับคนที่คู่ควรที่จะมาถนอมดูแลแก้วตาดวงใจที่เปรียบเสมือนของล้ำค่าสำหรับผู้ชายที่ต้อยต่ำอย่างสาริน ลูกชายจ่าในบ้านผู้ถูกชุบเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เล็ก และทำหน้าที่เสมอเหมือนอัศวินสำหรับเจ้าหญิงน้อยผู้เลอค่าในสายตาของเขาอย่าง “น้องน้อยชลันดา” เมื่อรักแล้วต้องรู้จักถนอมเทิดทูน จะมีใครบ้างนะในยุคสมัยนี้ที่จะคิดได้เหมือนสาริน ท่ามกลางยุคสมัยที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน, ความเห็นแก่ตัว และการแก่งแย่งชิงดี ความรักที่สวยงามที่สารินมีต่อชลันดาจึงเป็นความรักที่บริสุทธ์ผุดผ่องและเลอค่ามากมายในความรู้สึกของผู้อ่าน การให้ความสำคัญกับคุณค่าของคนที่ตนรัก ถนอมและเทิดทูน ทำให้นวนิยายเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งนวนิยายที่เรียกน้ำตาจากผู้อ่านได้มากที่สุด นวนิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นบทละคร บทภาพยนตร์ผ่านนักแสดงหลายท่านหลายยุค และทุกครั้งจะพบว่า ไม่ว่าอย่างไร น้ำตาของผู้ชมก็จะล้นทะลักเทใจให้กับความรักที่น่าบูชา และชีวิตที่น่าสงสารของเจ้าหญิงน้อยชลันดาได้อย่างง่ายดาย เมื่อใดที่คุณได้พบรักแท้ เราควรถนอมและเทิดทูนรักไว้ ให้ความสำคัญกับความรัก กับคุณค่าของผู้หญิงของคุณ อย่าปล่อยให้อารมณ์ กิเลส ตันหาและความรู้สึกมักง่ายเข้าครอบครองใจคุณ ลองให้โอกาสสารินและชลันดาได้นำเสนอความรักที่น่าสงสารของพวกเขาให้กับคุณ ลองอ่านดูนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าบางครั้งคุณอาจจะเทใจอยากให้สารินรู้จักต่อสู้และรักตนเองมากกว่านี้ ในขณะที่อยากคอยลุ้นให้นางเอกของเรามีความเข้มแข็งเป็นตัวของตัวเองมากอีกนิด เพื่อให้นิยายเรื่องนี้จบลงได้อย่างสวยงามมากกว่าที่เราได้อ่านค่ะ

อขิทโร : ลูกปัดมนตรา งานเขียนอีกเรื่องหนึ่งของวรรณวรรธน์ที่สนุกสนาน น่าติดตาม จนวางไม่ลงเลยค่ะ ซื้อหนังสือเล่มนี้มาทีแรกสามเล่มคิดว่าจะเอามาอ่านเล่นๆ แต่ที่ไหนได้พออ่านเล่มหนึ่งไปอ่านจบแป๊ปเดียวภายในสองวันค่ะ เหลือเชื่อมากๆ สนุกน่าติดตามจนวางไม่ลง แต่ตอนซื้อทีแรก รอแล้วรออีกเมื่อไหร่จะมีเล่มต่อมา พอเล่มต่อมาของตอนชุดออกก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่ค่ะ แต่อาจเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้มีหลายเล่มหลายตอนเลยอาจทำให้หนังสือเล่มนี้ดูเยิ่นเย้อไปบ้าง ทำให้ตอนหลังออกจะเบื่อๆ กับความยาวไปเล็กน้อย แต่ก้อไม่น่าเบื่อ ซื้อไปจนจบได้ โดยรวมไม่น่าผิดหวังค่ะ อ่านเสร็จก็เอาไปให้เพื่อนยืมและแนะนำคนอื่นอ่านต่อ แปลกดีค่ะ การผูกเรื่อง การนำเสนอศาสตร์ลี้ลับ การเดินทางของลูกปัดผ่านกาลเวลา ยุคสมัยต่างๆ ใครจะรู้คะว่า ของโบราณ ของต่างๆ มีพวกเราบ้าสะสมกัน บางทีอาจมีตำนานหรือเรื่องเล่าที่น่าประหลาดใจมาให้ได้ค้นหาก็ได้นะคะ หรือถ้าใครไม่กลัวชอบสะสมกันต่อไป ไม่แน่ อาจมีจอมเวทย์สุดหล่ออย่างจอมเวทย์อขิทโรออกมาหาก็ได้นะคะ ใครกล้าลองก็ลองค่ะ ของอย่างนี้ ไม่ลองไม่รู้ ..ชิมิ ผู้อ่านท่านใดรู้ตัวว่าชอบความลี้ลับ ความน่าค้นหาของวรรณกรรมงานศิลป์ ลองอ่านอขิทโรดูนะคะ งานเขียนนี้อาจต่างไปจากงานเขียนอื่นของวรรณวรรธน์แต่ก็สนุกไปอีกแนวค่ะ ลองอ่านหรือยืมใครอ่านดูค่ะ งานเขียนวรรณวรรธน์เป็นงานเขียนที่คุ้มค่า น่าติดตามอีกท่านหนึ่งค่ะ

อขิทโร : ลูกปัดมนตรา งานเขียนอีกเรื่องหนึ่งของวรรณวรรธน์ที่สนุกสนาน น่าติดตาม จนวางไม่ลงเลยค่ะ ซื้อหนังสือเล่มนี้มาทีแรกสามเล่มคิดว่าจะเอามาอ่านเล่นๆ แต่ที่ไหนได้พออ่านเล่มหนึ่งไปอ่านจบแป๊ปเดียวภายในสองวันค่ะ เหลือเชื่อมากๆ สนุกน่าติดตามจนวางไม่ลง แต่ตอนซื้อทีแรก รอแล้วรออีกเมื่อไหร่จะมีเล่มต่อมา พอเล่มต่อมาของตอนชุดออกก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่ค่ะ แต่อาจเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้มีหลายเล่มหลายตอนเลยอาจทำให้หนังสือเล่มนี้ดูเยิ่นเย้อไปบ้าง ทำให้ตอนหลังออกจะเบื่อๆ กับความยาวไปเล็กน้อย แต่ก้อไม่น่าเบื่อ ซื้อไปจนจบได้ โดยรวมไม่น่าผิดหวังค่ะ อ่านเสร็จก็เอาไปให้เพื่อนยืมและแนะนำคนอื่นอ่านต่อ แปลกดีค่ะ การผูกเรื่อง การนำเสนอศาสตร์ลี้ลับ การเดินทางของลูกปัดผ่านกาลเวลา ยุคสมัยต่างๆ ใครจะรู้คะว่า ของโบราณ ของต่างๆ มีพวกเราบ้าสะสมกัน บางทีอาจมีตำนานหรือเรื่องเล่าที่น่าประหลาดใจมาให้ได้ค้นหาก็ได้นะคะ หรือถ้าใครไม่กลัวชอบสะสมกันต่อไป ไม่แน่ อาจมีจอมเวทย์สุดหล่ออย่างจอมเวทย์อขิทโรออกมาหาก็ได้นะคะ ใครกล้าลองก็ลองค่ะ ของอย่างนี้ ไม่ลองไม่รู้ ..ชิมิ ผู้อ่านท่านใดรู้ตัวว่าชอบความลี้ลับ ความน่าค้นหาของวรรณกรรมงานศิลป์ ลองอ่านอขิทโรดูนะคะ งานเขียนนี้อาจต่างไปจากงานเขียนอื่นของวรรณวรรธน์แต่ก็สนุกไปอีกแนวค่ะ ลองอ่านหรือยืมใครอ่านดูค่ะ งานเขียนวรรณวรรธน์เป็นงานเขียนที่คุ้มค่า น่าติดตามอีกท่านหนึ่งค่ะ

คุณทมยันตีเขียนงานเขียนนี้ได้อย่างน่าประทับใจมาก ทุกคำสอนที่พยายามนำเสนอในวรรณกรรมเรื่องนี้ถือเป็นงานสอนที่มีคุณค่าที่ถ้าผู้อ่านจะให้ความใส่ใจและลองมองย้อนกลับมาทบทวนความเป็นจริงดูอีกครั้ง ไม่มีใครเลยที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ไม่มีอะไรเลยที่ไม่มีคำว่า “สิ้นสุด” มีพบก็ต้องมีจาก แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าก็ไม่มีวันไม่โรยรา แล้วมนุษย์ปุถุชนเช่นเราเอย ไฉนเลย จะไม่ยอมลดรา ทิฐิ ไม่ยอมคิดที่ปล่อยวางวางเป็นตัวกู ของกู กิเลสมันยากที่จะลบล้าง แต่ก็ไม่ยากที่จะค่อยๆ ปล่อยให้ลบเลือน พลังอำนาจมีได้แต่ก็ต้องรู้จักฝึกฝนและควบคุม มีมากก็ควบคุมยาก มีมากก็ต้องคอยระวัง จิตา เป็นงานเขียนที่นำเสนอมุมมองผ่านตัวตนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เผอิญเกิดมาพร้อมกับอำนาจพิเศษที่เป็นของเดิม อำนาจถ้าไม่รู้จักการควบคุมก็จะเกิดผลในทางทำลาย ทำอย่างไรเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะสามารถควบคุมพลังมหาศาลที่เธอมีได้ การสอนให้รู้จักปล่อยวางเท่านั้น ที่จะช่วยลดพลังทางอารมณ์ต่างๆ ได้ ทำอย่างไรจะสอนให้เธอมีสติที่จะควบคุมพลังของเธอ ผลดี ผลเสียของพลัง และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเธอเผลอพลั้งใช้พลังทำร้ายคนไปอย่างขาดสติ มีสติ คิดและไตร่ตรอง ตลอดจนรู้จักฝึกฝนปล่อยวางต่างหาก ที่จะช่วยเธอได้ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทประพันธ์“มนุษย์ทุกวันนี้นับถือ “รูป” มากกว่า “จิต” ทั้งๆ ที่จริงแท้ โลกหมุนไปตามจิต วัฒนาการไปตามจิต และเป็นไปด้วยอำนาจของสิ่งเดียวคือ “จิต” ความเจริญทางวัตถุ เป็นสิ่งที่เห็นง่าย สัมผัสได้ หากความเจริญทางจิตนั้น ใครทำ ใครรู้ ใครได้ มนุษย์รู้จักสิ่งอื่นทั่วถ้วน หาก “กาย” ตนสิ หารู้ไม่” สัจธรรมชีวิต ลึกซึ้งมากมาย เหมือนง่าย แต่ยากที่จะสังเกต ค้นหา และปล่อยวาง ถ้ารู้จักวาง เมื่อจิตสงบ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะร่มเย็น งดงาม ดังคำกล่าวในบทประพันธ์ว่า “สิ่งใดเล่าซ่อนอยู่ สิ่งใดเล่าทรงอานุภาพ วัฎฎา วนเวียน เกิด-ดับ เพราะจิตที่เกี่ยวข้องด้วยตัณหายึดเหนี่ยวและกิเลส นำให้เศร้าหมอง วางเถิด วางทุกสิ่ง วางจึงว่าง ในความว่างจะมีพลังมหาศาล กุญแจ อันที่จะไขพลังนั้นมาใช้ มีประการเดียว จิตา! มนุษย์ที่ถูก “โลกวาง” คือผู้แพ้ มนุษย์ที่สามารถ “วางโลก” ได้ คือผู้มีชัย” เป็นงานเขียนอีกหนึ่งงานที่สวยงามและงดงามมากค่ะของคุณทมยันตี

คุณทมยันตีเขียนงานเขียนนี้ได้อย่างน่าประทับใจมาก ทุกคำสอนที่พยายามนำเสนอในวรรณกรรมเรื่องนี้ถือเป็นงานสอนที่มีคุณค่าที่ถ้าผู้อ่านจะให้ความใส่ใจและลองมองย้อนกลับมาทบทวนความเป็นจริงดูอีกครั้ง ไม่มีใครเลยที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ไม่มีอะไรเลยที่ไม่มีคำว่า “สิ้นสุด” มีพบก็ต้องมีจาก แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าก็ไม่มีวันไม่โรยรา แล้วมนุษย์ปุถุชนเช่นเราเอย ไฉนเลย จะไม่ยอมลดรา ทิฐิ ไม่ยอมคิดที่ปล่อยวางวางเป็นตัวกู ของกู กิเลสมันยากที่จะลบล้าง แต่ก็ไม่ยากที่จะค่อยๆ ปล่อยให้ลบเลือน พลังอำนาจมีได้แต่ก็ต้องรู้จักฝึกฝนและควบคุม มีมากก็ควบคุมยาก มีมากก็ต้องคอยระวัง จิตา เป็นงานเขียนที่นำเสนอมุมมองผ่านตัวตนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เผอิญเกิดมาพร้อมกับอำนาจพิเศษที่เป็นของเดิม อำนาจถ้าไม่รู้จักการควบคุมก็จะเกิดผลในทางทำลาย ทำอย่างไรเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะสามารถควบคุมพลังมหาศาลที่เธอมีได้ การสอนให้รู้จักปล่อยวางเท่านั้น ที่จะช่วยลดพลังทางอารมณ์ต่างๆ ได้ ทำอย่างไรจะสอนให้เธอมีสติที่จะควบคุมพลังของเธอ ผลดี ผลเสียของพลัง และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าเธอเผลอพลั้งใช้พลังทำร้ายคนไปอย่างขาดสติ มีสติ คิดและไตร่ตรอง ตลอดจนรู้จักฝึกฝนปล่อยวางต่างหาก ที่จะช่วยเธอได้ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทประพันธ์“มนุษย์ทุกวันนี้นับถือ “รูป” มากกว่า “จิต” ทั้งๆ ที่จริงแท้ โลกหมุนไปตามจิต วัฒนาการไปตามจิต และเป็นไปด้วยอำนาจของสิ่งเดียวคือ “จิต” ความเจริญทางวัตถุ เป็นสิ่งที่เห็นง่าย สัมผัสได้ หากความเจริญทางจิตนั้น ใครทำ ใครรู้ ใครได้ มนุษย์รู้จักสิ่งอื่นทั่วถ้วน หาก “กาย” ตนสิ หารู้ไม่” สัจธรรมชีวิต ลึกซึ้งมากมาย เหมือนง่าย แต่ยากที่จะสังเกต ค้นหา และปล่อยวาง ถ้ารู้จักวาง เมื่อจิตสงบ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะร่มเย็น งดงาม ดังคำกล่าวในบทประพันธ์ว่า “สิ่งใดเล่าซ่อนอยู่ สิ่งใดเล่าทรงอานุภาพ วัฎฎา วนเวียน เกิด-ดับ เพราะจิตที่เกี่ยวข้องด้วยตัณหายึดเหนี่ยวและกิเลส นำให้เศร้าหมอง วางเถิด วางทุกสิ่ง วางจึงว่าง ในความว่างจะมีพลังมหาศาล กุญแจ อันที่จะไขพลังนั้นมาใช้ มีประการเดียว จิตา! มนุษย์ที่ถูก “โลกวาง” คือผู้แพ้ มนุษย์ที่สามารถ “วางโลก” ได้ คือผู้มีชัย” เป็นงานเขียนอีกหนึ่งงานที่สวยงามและงดงามมากค่ะของคุณทมยันตี

หนึ่งในวรรณกรรมเรื่องเอกของคุณทมยันตี งานเขียนที่เป็นอรรถรสทางวรรณศิลป์ที่โดดเด่นเรื่องหนึ่งที่เหล่านักอ่านไม่ควรพลาดที่จะมีสะสมหรือหยิบยืมมาอ่านเพื่อดื่มด่ำไปกับความสวยงามของบทประพันธ์ นิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายเรื่องเยี่ยมของคุณทมยันตีที่คอนักอ่านจะต้องพูดถึง ยิ่งเมื่อมีการนำเอาบทประพันธ์ในนิยายเรื่องนี้มาดัดแปลงทำเป็นละครเวที, ละครภาพยนตร์, และละครโทรทัศน์ ในหลายๆ ยุค หลายๆ สมัยและนำเสนอโดยพระเอก นางเอกขวัญใจชาวบ้านชาวช่องในแต่ละยุคสมัยด้วยแล้ว คงยากที่จะไม่มีใครไม่รู้จักบทประพันธ์เรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักที่เกิดท่ามกลางสงครามโลก ความรักที่ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และไม่ว่าความแค้นจะมีมากมายเพียงใดก็ตาม ความสวยงามของความรักย่อมลบเลือนความเกลียดแค้นทุกสิ่ง เมื่อผู้หยิบยื่นรักปรารถนาที่จะมอบรักให้โดยไม่ต้องการการตอบแทน ความรักที่หยิบยื่นให้โดยไม่เดียดฉันท์ในเชื้อชาติที่แตกต่างของอีกฝ่ายหนึ่ง สายเลือดซามูไร เชื้อสายลูกพระอาทิตย์อันสูงส่ง กลับกล้าหยิบยื่นความปรารถนาดีให้กับสาวไทยผู้อ่อนด้อย ใสซื่อ และเด็ดเดี่ยวในทุกสิ่ง อย่างอังสุมาลิน เมื่อพ่อดอกมะลิมาเจอแสงสว่างแห่งดวงพระอาทิตย์อย่างอังสุมาริน เมื่อนั้น ความรักที่สวยงามย่อมเกิดขึ้นและรอเพียงแสงแห่งดวงอาทิตย์จะมองย้อนกลับมา รัก..ฦา เป็นได้เช่นนั้น Times never go by เวลาไม่เคยหวนกลับ สายน้ำไม่เคยย้อนไหลคืน ไม่มีใครรู้ในโชคชะตา ถ้าจะรัก จงหัดที่จะยอมรับ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และนั่นเองที่คุณทมยันตีได้บอกผ่านเราเหล่าผู้อ่านผ่านทางวรรณกรรมเรื่องเอก “คู่กรรม”

หนึ่งในวรรณกรรมเรื่องเอกของคุณทมยันตี งานเขียนที่เป็นอรรถรสทางวรรณศิลป์ที่โดดเด่นเรื่องหนึ่งที่เหล่านักอ่านไม่ควรพลาดที่จะมีสะสมหรือหยิบยืมมาอ่านเพื่อดื่มด่ำไปกับความสวยงามของบทประพันธ์ นิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายเรื่องเยี่ยมของคุณทมยันตีที่คอนักอ่านจะต้องพูดถึง ยิ่งเมื่อมีการนำเอาบทประพันธ์ในนิยายเรื่องนี้มาดัดแปลงทำเป็นละครเวที, ละครภาพยนตร์, และละครโทรทัศน์ ในหลายๆ ยุค หลายๆ สมัยและนำเสนอโดยพระเอก นางเอกขวัญใจชาวบ้านชาวช่องในแต่ละยุคสมัยด้วยแล้ว คงยากที่จะไม่มีใครไม่รู้จักบทประพันธ์เรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักที่เกิดท่ามกลางสงครามโลก ความรักที่ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และไม่ว่าความแค้นจะมีมากมายเพียงใดก็ตาม ความสวยงามของความรักย่อมลบเลือนความเกลียดแค้นทุกสิ่ง เมื่อผู้หยิบยื่นรักปรารถนาที่จะมอบรักให้โดยไม่ต้องการการตอบแทน ความรักที่หยิบยื่นให้โดยไม่เดียดฉันท์ในเชื้อชาติที่แตกต่างของอีกฝ่ายหนึ่ง สายเลือดซามูไร เชื้อสายลูกพระอาทิตย์อันสูงส่ง กลับกล้าหยิบยื่นความปรารถนาดีให้กับสาวไทยผู้อ่อนด้อย ใสซื่อ และเด็ดเดี่ยวในทุกสิ่ง อย่างอังสุมาลิน เมื่อพ่อดอกมะลิมาเจอแสงสว่างแห่งดวงพระอาทิตย์อย่างอังสุมาริน เมื่อนั้น ความรักที่สวยงามย่อมเกิดขึ้นและรอเพียงแสงแห่งดวงอาทิตย์จะมองย้อนกลับมา รัก..ฦา เป็นได้เช่นนั้น Times never go by เวลาไม่เคยหวนกลับ สายน้ำไม่เคยย้อนไหลคืน ไม่มีใครรู้ในโชคชะตา ถ้าจะรัก จงหัดที่จะยอมรับ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และนั่นเองที่คุณทมยันตีได้บอกผ่านเราเหล่าผู้อ่านผ่านทางวรรณกรรมเรื่องเอก “คู่กรรม”

ใครจะรู้ว่าท่ามกลางความสวยงามของแพรพรรณ “กี่เพ้า” สีแดงสด ปักลายโบตั๋นจะซ่อนเรื่องราวความลึกลับมากมายเอาไว้ ความแค้น ความทรมาน และความน่าสงสาร ของวิญญาณที่รอผู้มาปลดปล่อย และสะสางมลทิลให้กับตัวเธอ จากความรักความฝันที่สวยงามในวัยเยาว์ เติบโตเป็นรักที่งดงามและรอวันผลิบานให้กับชายคนรัก อนิจจา สาวน้อยเจ้าของกี่เพ้าผู้น่าสงสาร ทุกคืนวัน เฝ้าแต่รอวันสำคัญ วันที่จะได้รับความรักจากคนรักของเธอ เจ้าหมิงเทียน แต่เมื่อมีแสงสว่าง แน่นอนอุปสรรคต่างๆ ย่อมต้องมาถึง ความฝันของสาวน้อยเจ้าของกี่เพ้าตัวจริงได้ถูกขัดขวางและถูกทำลายลงภายใต้ความแค้นของคนคนหนึ่ง คนที่ไม่มีใครเคยคาดเดาในความคิด และการกระทำได้ สังคมมนุษย์ก็เช่นกัน อนิจจา มีแสงสว่างย่อมต้องมีความมืด มีรอยยิ้มก็ต้องมีการเชือดเฉือน กุหลาบงามผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกมีหรือจะต้านทานความมืดในใจคนได้ และแน่นอนค่ะดังคำกล่าวในนิยายที่ว่า “รอยรัก แรงแค้นจากปรภพ ฝังลึกในกี่เพ้าชุดงาม ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด โบตั๋นกลีบบาง.... ยังคงรอวันหวนกลับคืน” เรื่องนี้ ผู้แต่งของเราก็คงจะไม่ยอมให้รักนี้ของนางเอกเราต้องเสื่อมสลายไปกับความชั่วร้ายแน่นอน ภาคต่อของนางเอกเราก็คือที่มาของภัณฑารักษ์สาวสวยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซมผ้าโบราณ ผู้มีใบหน้าที่เหมือนนางเอกเราไม่มีผิด และแน่นอนค่ะ การกลับมาครั้งนี้ของภัณฑรักษ์เราย่อมไม่มีคำว่า ท้อถอย และยอมแพ้ แน่ๆ ค่ะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อุปสรรคมีไว้เพื่อฝ่าฟันค่ะ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน สนุกมากค่ะ

ใครจะรู้ว่าท่ามกลางความสวยงามของแพรพรรณ “กี่เพ้า” สีแดงสด ปักลายโบตั๋นจะซ่อนเรื่องราวความลึกลับมากมายเอาไว้ ความแค้น ความทรมาน และความน่าสงสาร ของวิญญาณที่รอผู้มาปลดปล่อย และสะสางมลทิลให้กับตัวเธอ จากความรักความฝันที่สวยงามในวัยเยาว์ เติบโตเป็นรักที่งดงามและรอวันผลิบานให้กับชายคนรัก อนิจจา สาวน้อยเจ้าของกี่เพ้าผู้น่าสงสาร ทุกคืนวัน เฝ้าแต่รอวันสำคัญ วันที่จะได้รับความรักจากคนรักของเธอ เจ้าหมิงเทียน แต่เมื่อมีแสงสว่าง แน่นอนอุปสรรคต่างๆ ย่อมต้องมาถึง ความฝันของสาวน้อยเจ้าของกี่เพ้าตัวจริงได้ถูกขัดขวางและถูกทำลายลงภายใต้ความแค้นของคนคนหนึ่ง คนที่ไม่มีใครเคยคาดเดาในความคิด และการกระทำได้ สังคมมนุษย์ก็เช่นกัน อนิจจา มีแสงสว่างย่อมต้องมีความมืด มีรอยยิ้มก็ต้องมีการเชือดเฉือน กุหลาบงามผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกมีหรือจะต้านทานความมืดในใจคนได้ และแน่นอนค่ะดังคำกล่าวในนิยายที่ว่า “รอยรัก แรงแค้นจากปรภพ ฝังลึกในกี่เพ้าชุดงาม ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด โบตั๋นกลีบบาง.... ยังคงรอวันหวนกลับคืน” เรื่องนี้ ผู้แต่งของเราก็คงจะไม่ยอมให้รักนี้ของนางเอกเราต้องเสื่อมสลายไปกับความชั่วร้ายแน่นอน ภาคต่อของนางเอกเราก็คือที่มาของภัณฑารักษ์สาวสวยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซมผ้าโบราณ ผู้มีใบหน้าที่เหมือนนางเอกเราไม่มีผิด และแน่นอนค่ะ การกลับมาครั้งนี้ของภัณฑรักษ์เราย่อมไม่มีคำว่า ท้อถอย และยอมแพ้ แน่ๆ ค่ะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อุปสรรคมีไว้เพื่อฝ่าฟันค่ะ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน สนุกมากค่ะ

มีนิยายเพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถสอดแทรกเนื้อหาที่ค่อนข้างจะคาดเดาได้ยาก ที่น้อยครั้งผู้อ่านจะสามารถจินตนาการหรือคาดเดาเรื่องราวต่อไปได้ถูก นิยายเรื่อง “คิวบิก” เป็นหนึ่งในนั้น ต้องขอชมผู้แต่งจากใจจริง งานเขียนเรื่องนี้เป็นการนำเสนอจินตนาการของผู้แต่งที่โดดเด่นมากจริงๆ คงจะไม่ง่ายนักที่จะผูกเรื่องโดยดึงเอากลเม็ด กลวิธีการแก้ไขปัญหาภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและอันตรายต่างๆ เข้ามาเป็นอรรถรสในนิยาย การนำเสนอภาพลักษณ์นางเอกเป็นเด็กสาวไร้เสน่ห์ ขาดความสวย ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และความน่าสนใจอื่นๆ มาเป็นจุดเอกในนิยาย ถือเป็นงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ทางงานศิลป์อีกงานหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อนำนางเอกมาเทียบกับมาเฟียรูปหล่อ เจ้าเสน่ห์ และชาญฉลาดอย่าง หลิน หลาน ซื่อ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าผู้อ่านจะไม่เผลอใจตกหลุมรักและคอยเอาใจช่วย ฤทัยนาค สาวน้อยผู้อาภัพและน่าสงสารไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่มีใครที่จะไม่คอยลุ้น คอยเชียร์ คอยให้คะแนนความสงสารไปกับนางเอกที่ใสซื่อ แอบเซี้ยว และน่าสงสารอย่างฤทัยนาค ซึ่งแน่นอน รวมทั้งพระเอกของเรื่อง หลิน หลาน ซื่อ ก็เช่นกัน ท่ามกลางความเพียบพร้อมในทุกสิ่งทั้งชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง รูปสมบัติ ความอ้างว้าง โดดเดี่ยว ย่อมเกิดขึ้น ผู้เขียนได้นำเสนอภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดเจนในสังคม ที่ทุกวันนี้ ไม่มีความสมบูรณ์ในทุกสิ่ง ความพรั่งพร้อม ย่อมมาคู่กับความโดดเดี่ยวและอ้างว้างภายใน ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในหมู่ผู้มีอำนาจ ทุกความคิด ทุกการตัดสินใจต้องถูกไตร่ตรองด้วยความระแวดระวัง แต่เป็นไปได้เชียวหรือที่ภูผาที่แข็งแกร่งจะไม่ต้องการความอ่อนแอ ลึกๆ ทุกคนเป็นเช่นนั้น มนุษย์ล้วนต้องการใครซักคนที่จะคอยเป็นเพื่อน คอยรับฟัง และเป็นคู่มิตร และนั่นเอง เหตุผลที่ผู้แต่งเลือกให้ฤทัยนาคเข้ามาอยู่ในดวงใจของ หลิน หลาน ซื่อ และของผู้อ่านทุกๆ คน

มีนิยายเพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถสอดแทรกเนื้อหาที่ค่อนข้างจะคาดเดาได้ยาก ที่น้อยครั้งผู้อ่านจะสามารถจินตนาการหรือคาดเดาเรื่องราวต่อไปได้ถูก นิยายเรื่อง “คิวบิก” เป็นหนึ่งในนั้น ต้องขอชมผู้แต่งจากใจจริง งานเขียนเรื่องนี้เป็นการนำเสนอจินตนาการของผู้แต่งที่โดดเด่นมากจริงๆ คงจะไม่ง่ายนักที่จะผูกเรื่องโดยดึงเอากลเม็ด กลวิธีการแก้ไขปัญหาภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและอันตรายต่างๆ เข้ามาเป็นอรรถรสในนิยาย การนำเสนอภาพลักษณ์นางเอกเป็นเด็กสาวไร้เสน่ห์ ขาดความสวย ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และความน่าสนใจอื่นๆ มาเป็นจุดเอกในนิยาย ถือเป็นงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ทางงานศิลป์อีกงานหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อนำนางเอกมาเทียบกับมาเฟียรูปหล่อ เจ้าเสน่ห์ และชาญฉลาดอย่าง หลิน หลาน ซื่อ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าผู้อ่านจะไม่เผลอใจตกหลุมรักและคอยเอาใจช่วย ฤทัยนาค สาวน้อยผู้อาภัพและน่าสงสารไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่มีใครที่จะไม่คอยลุ้น คอยเชียร์ คอยให้คะแนนความสงสารไปกับนางเอกที่ใสซื่อ แอบเซี้ยว และน่าสงสารอย่างฤทัยนาค ซึ่งแน่นอน รวมทั้งพระเอกของเรื่อง หลิน หลาน ซื่อ ก็เช่นกัน ท่ามกลางความเพียบพร้อมในทุกสิ่งทั้งชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง รูปสมบัติ ความอ้างว้าง โดดเดี่ยว ย่อมเกิดขึ้น ผู้เขียนได้นำเสนอภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดเจนในสังคม ที่ทุกวันนี้ ไม่มีความสมบูรณ์ในทุกสิ่ง ความพรั่งพร้อม ย่อมมาคู่กับความโดดเดี่ยวและอ้างว้างภายใน ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในหมู่ผู้มีอำนาจ ทุกความคิด ทุกการตัดสินใจต้องถูกไตร่ตรองด้วยความระแวดระวัง แต่เป็นไปได้เชียวหรือที่ภูผาที่แข็งแกร่งจะไม่ต้องการความอ่อนแอ ลึกๆ ทุกคนเป็นเช่นนั้น มนุษย์ล้วนต้องการใครซักคนที่จะคอยเป็นเพื่อน คอยรับฟัง และเป็นคู่มิตร และนั่นเอง เหตุผลที่ผู้แต่งเลือกให้ฤทัยนาคเข้ามาอยู่ในดวงใจของ หลิน หลาน ซื่อ และของผู้อ่านทุกๆ คน

นิยายเรื่องนี้ผู้แต่งมีการนำเสนอ เรียบเรียงภาษาและเรื่องราวได้อย่างสวยงาม สละสลวย ซับซ้อน การผูกเรื่องค่อนข้างแปลกและน่าติดตาม ผู้เขียนมีจินตนาการค่อนข้างสูง มีมุมมองการแต่งและงานเขียนค่อนข้างน่าสนใจ มีการนำเอาวรรณกรรมนิยายญี่ปุ่น การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับงานเทศกาล ความเชื่อ ตลอดจนนิยายพื้นบ้านต่างๆ ของญี่ปุ่นเข้ามานำเสนอ เช่น การนำตำนานหญิงทอผ้ากับเด็กเลี้ยงวัว, งานเทศกาลทานาบาตะ, ตลอดจนตำนานเกี่ยวกับภูตผี ปิศาจของญี่ปุ่น, ตำนานเจ้าหญิงหิมะ, ตำนานเทพปิศาจจิ้งจอก, ตำนานเกี่ยวกับผีตาเดียว ฯลฯ เข้ามาโยงผูกเป็นเรื่องเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่ยังไม่ค่อยมีนักเขียนไทยทำเท่าไหร่นัก มีการผูกโยงคำกลอนเข้ามาเพื่อเพิ่มจินตนาการและความสวยงามของการเขียน การใช้คำพรรณนาหรือบรรยายเป็นไปอย่างราบรื่น โดดเด่น โดยรวมนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจติดตามของพงศธร ตลอดถึงปัจจุบันได้มีการนำนิยายเรื่องดังกล่าวมานำเสนอเป็นละครทางโทรทัศน์จึงทำให้ความสนใจของนิยายเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้อ่านมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเพราะความเร่งรีบหรือข้อจำกัดทางด้านเวลาบางประการ ทำให้เนื้อเรื่อง งานเขียนในนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างกระชับเกินไปเมื่อเทียบกับงานเขียนเรื่องอื่นของพงศธร ทำให้เวลาอ่านผู้อ่านอาจรู้สึกขาดอรรถรสในการอ่านไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นข้อด้อยมากนะสำหรับผู้อ่านที่จะสนใจติดตามอ่าน โดยรวมนิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจของพงศธรที่คอนิยายรักระคนลึกลับ โรแมนติกไม่ควรพลาดที่จะลองแวะเวียนไปเยี่ยมซื้อหรือเลือกอ่านอีกเล่มหนึ่ง

นิยายเรื่องนี้ผู้แต่งมีการนำเสนอ เรียบเรียงภาษาและเรื่องราวได้อย่างสวยงาม สละสลวย ซับซ้อน การผูกเรื่องค่อนข้างแปลกและน่าติดตาม ผู้เขียนมีจินตนาการค่อนข้างสูง มีมุมมองการแต่งและงานเขียนค่อนข้างน่าสนใจ มีการนำเอาวรรณกรรมนิยายญี่ปุ่น การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับงานเทศกาล ความเชื่อ ตลอดจนนิยายพื้นบ้านต่างๆ ของญี่ปุ่นเข้ามานำเสนอ เช่น การนำตำนานหญิงทอผ้ากับเด็กเลี้ยงวัว, งานเทศกาลทานาบาตะ, ตลอดจนตำนานเกี่ยวกับภูตผี ปิศาจของญี่ปุ่น, ตำนานเจ้าหญิงหิมะ, ตำนานเทพปิศาจจิ้งจอก, ตำนานเกี่ยวกับผีตาเดียว ฯลฯ เข้ามาโยงผูกเป็นเรื่องเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่ยังไม่ค่อยมีนักเขียนไทยทำเท่าไหร่นัก มีการผูกโยงคำกลอนเข้ามาเพื่อเพิ่มจินตนาการและความสวยงามของการเขียน การใช้คำพรรณนาหรือบรรยายเป็นไปอย่างราบรื่น โดดเด่น โดยรวมนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจติดตามของพงศธร ตลอดถึงปัจจุบันได้มีการนำนิยายเรื่องดังกล่าวมานำเสนอเป็นละครทางโทรทัศน์จึงทำให้ความสนใจของนิยายเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้อ่านมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเพราะความเร่งรีบหรือข้อจำกัดทางด้านเวลาบางประการ ทำให้เนื้อเรื่อง งานเขียนในนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างกระชับเกินไปเมื่อเทียบกับงานเขียนเรื่องอื่นของพงศธร ทำให้เวลาอ่านผู้อ่านอาจรู้สึกขาดอรรถรสในการอ่านไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นข้อด้อยมากนะสำหรับผู้อ่านที่จะสนใจติดตามอ่าน โดยรวมนิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจของพงศธรที่คอนิยายรักระคนลึกลับ โรแมนติกไม่ควรพลาดที่จะลองแวะเวียนไปเยี่ยมซื้อหรือเลือกอ่านอีกเล่มหนึ่ง